หน้าหลัก ค้นหา ติดต่อ สมุดโทรศัพท์ การเรียน/การสอน เหตุการณ์ แผนที่เว็บ Thai/Eng
MCU

หน้าหลัก » พระมหาญาณทัสน์ ฉฬภิญฺโญ (วงศ์กำภู)
 
เข้าชม : ๒๐๐๐๕ ครั้ง
ศึกษาสภาวะรูปนามในการปฏิบัติในหมวดสัมปชัญญะบรรพ ในสติปัฏฐานสูตร
ชื่อผู้วิจัย : พระมหาญาณทัสน์ ฉฬภิญฺโญ (วงศ์กำภู) ข้อมูลวันที่ : ๑๔/๐๘/๒๐๑๓
ปริญญา : พุทธศาสตรมหาบัณฑิต(วิปัสนาภาวนา)
คณะกรรมการควบคุมวิทยานิพนธ์ :
  พระครูใบฎีกามานิตย์ เขมคุตฺโต ศน.บ., M.A., Ph.D.
  พระมหาโกมล กมโล ป.ธ.๘, พธ.บ., ศศ.ม.
  อาจารย์นิมิตร โพธิพัฒน์ ป.ธ.๙
วันสำเร็จการศึกษา : ๒๕๕๕
 
บทคัดย่อ

 

บทคัดย่อ

การศึกษาสภาวะรูปนามในการปฏิบัติในหมวดสัมปชัญญะบรรพ  สติปัฏฐานสูตรมีวัตถุประสงค์ ๒ ประการคือ  เพื่อศึกษาสัมปชัญญะบรรพในหมวดกายานุปัสสนา  สติปัฏฐานสูตร และศึกษาลักษณะสภาวะของรูปนาม  ในการปฏิบัติหมวดสัมปชัญญะบรรพโดยการศึกษาข้อมูลจากคัมภีร์พระพุทธศาสนาเถรวาท  คือ  พระไตรปิฎก  อรรถกถา  และฎีกา  รวมทั้งข้อมูลจากเอกสารวิชาการที่เกี่ยวข้องแล้วนำมาเรียบเรียงบรรยายตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญ

จากการศึกษาวิจัยพบว่า  หลักในหมวดสัมปชัญญะบรรพในสติปัฏฐานสูตรนั้น  ก็คือหลักการปฏิบัติวิปัสสนาภาวนา  ซึ่งเป็นการฝึกให้มีสติกำหนดรู้ในอิริยาบถทุกๆอิริยาบถ มีการก้าวไป  ถอยกลับ  การแล  การเหลียว  การเหยียด  การคู้  การนุ่งห่ม  การฉัน  การดื่ม  การถ่ายอุจจาระและถ่ายปัสสาวะ  การเดินเป็นต้น  การกำหนดในอิริยาบถเหล่านี้เป็นการฝึกให้เกิดสัมปชัญญะ  รู้เท่าทันอิริยาบถตามสภาพความเป็นจริง

สภาวะรูปในทางพระพุทธศาสนา  หมายถึง  สภาวะที่มีความแตกดับไป  เมื่อกระทบกับวิโรธิและไม่สามารถรับรู้อารมณ์ใดๆได้เลย  ในขันธ์    รูป  หมายถึง  รูปขันธ์  สภาวะของนาม  หมายถึง  สภาวะของจิตที่น้อมเข้าไปสู่อารมณ์  สามารถรับรู้อารมณ์ได้  ในขันธ์    นั้น  รูปเป็นรูปขันธ์  เวทนา  สัญญา  สังขาร  วิญญาณเป็น  นามขันธ์

ในการปฏิบัติวิปัสสนาภาวนา  ตามหมวดสัมปชัญญะบรรพนั้น  ในขั้นต้นแห่งการปฏิบัตินั้น  ผู้ปฏิบัติจะเป็นการฝึกให้เกิดสติสัมปชัญญะ  คือรู้ทันอิริยาบถตามสภาพความเป็นจริงเมื่อผู้ปฏิบัติมีสติกำหนดได้จดจ่อ  ต่อเนื่องอย่างเท่าทันโดยละเอียดสมบูรณ์ทุกๆการเคลื่อนไหวในอิริยาบถต่างๆ  การทำงานของสติในการพิจารณารูปและนามก็ปรากฏชัดตามลำดับของวิปัสสนาญาณซึ่งจะทำให้ผู้ปฏิบัติเห็นสภาวะที่เกิดขึ้นของรูปนามตามสภาพความเป็นจริงดังนั้นผู้ปฏิบัติจึงมีปัญญาเห็นรูปและนามนั้นล้วนตกอยู่ในอำนาจของไตรลักษณ์มีความไม่เที่ยง  เป็นทุกข์               เป็นอนัตตา  มีความเกิดขึ้น  ตั้งอยู่และเสื่อมสิ้นไป  ผู้ปฏิบัติสามารถเห็นประโยชน์เห็นโทษของการเคลื่อนไหวอิริยาบถต่างๆเมื่อผู้ปฏิบัติมีปัญญาพิจารณารูปและนามอย่างนี้ผู้ปฏิบัติจะมีจิตบริสุทธิ์เป็นขั้นๆไปจนถึงบรรลุมรรคผลนิพพานได้ในที่สุด

โดยสรุปแล้ว  อาการที่ปรากฏทางกายทั้งหมด  เช่นอาการคู้  เหยียด  เป็นต้นจัดเป็นรูป  สภาวะที่เข้าไปรับรู้อาการนั้นๆ  เรียกว่านาม  ทั้งรูปและนามนี้  ล้วนตั้งอยู่ในไตรลักษณ์  คือความไม่เที่ยง  เป็นทุกข์  เป็นอนัตตา

ดาวน์โหลด

 
 
สงวนลิขสิทธ์โดยมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธ์ พ.ศ. ๒๕๓๗ 
พัฒนาและดูแลโดย : webmaster@mcu.ac.th 
ปรับปรุงครั้งล่าสุดวันพฤหัสบดี ที่ ๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๕